แปลรักฉันด้วยใจเธอเป็นซีรีย์ขนาดสั้นของค่ายนาดาว ซึ่งมักจะทำซีรีย์ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ผิดไปจากละครหรือซีรีย์ที่มีอยู่ตามท้องตลาดเสมอ ในส่วนตัวแล้วนอกจากเนื้อเรื่องแล้วชอบมุมกล้องกับสีภาพที่ช่วยให้โลเคชั่นและบรรยากาศของเรื่องดีขึ้นไปอีก และที่สำคัญที่สุดคือ การพยายามเล่าเรื่องชีวิตของคนที่พ้นไปจากกรุงเทพฯ อันเป็นเมืองหลวงที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกรวมมาไว้ที่นี่พื้นหลังของเรื่องที่เป็นจังหวัดภูเก็ต เลยยิ่งทำให้เรื่องนี้น่าสนใจขึ้นไปอีก
ส่วนที่อยากจะเน้นในบล็อกนี้ไม่ใช่เรื่องของงานภาพ แสง และสี แต่เป็นเรื่องของความเป็นชายที่กดทับคนทุกคนซึ่งส่วนตัวคิดว่าสิ่งนี้คือซีรีย์กำลังเน้น
เต๋เป็นตัวละครที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของเด็กมัธยมไทยทั่วๆ ไป คนหนึ่งเลยซึ่งยังไม่เข้าใจความต้องการของตัวเอง ในการทำความเข้าใจเพศวิถีของตนเอง ฉะนั้น จะเห็นได้เลยว่าตลอดซีรีย์มันคือการค้นหาตัวตนของเต๋ โดยมีตัวละครบางตัวช่วยให้เต๋โตขึ้น
สิ่งที่ทำให้เต๋ค้นพบอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองได้ยากนั้นมันเกิดจากความเป็นชายที่กดทับคนทุกคนในสังคมนี้ จะเห็นได้ในหลายๆ ฉากที่ตัวละครอีกตัวคือ โอ้เอ้ว พยายามช่วยเต๋ในการค้นหาตัวตนของตัวเอง แต่มันจะกลับมาสู่การที่เต๋ก็เลือกที่จะปฏิบัติตามกระแสของสังคม
ความเป็นชายที่กดทับตัวละครเต๋นี้มันสร้างลักษณะหลายๆ อย่างขึ้นมา ทั้งความพยายามเป็นฮีโร่ เราจะเห็นได้ว่าเต๋เป็นสิ่งนั้นเยอะมาก พยายามทำให้ทุกคนมีความสุขและพยายามแข็งแกร่งตลอดเวลาแต่มันไม่ใช่ ฉากส่วนใหญ่ที่เราจะเห็นเต๋ค่ำครวญมันมักจะเป็นการทำอยู่คนเดียวในที่ปิด เพราะความเป็นชายไม่ยอมรับให้ผู้ชายอ่อนแอ
เราคิดว่าซีรีย์นี้แตกต่างจากนิยายบอยเลิฟหรือวายทั่วไปที่เคยอ่านหรือเคยดูนะ เราคิดว่าเรื่องนี้มันแฟนตาซีน้อยกว่า บ่อยครั้งที่นิยายบอยเลิฟหรือวายมันจะทำไปแฟนตาซีไปเลย กล่าวคือ ตัวละครในนิยายบอยเลิฟหรือวายส่วนใหญ่จะค้นพบอัตลักษณ์และเพศวิถีผ่านของตนเองผ่านการตกหลุมรักและผิดหวัง แล้วก็ข้ามไปสู่การร่วมรักทางกายภาพแบบหนักๆ (ฉากเซอร์วิส) แต่เรื่องนี้มันมีฉากร่วมรักหลายฉากที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศ และมันทำให้ตัวละครได้เรียนรู้อัตลักษณ์และเพศวิถีของตนเอง เช่น ฉากเล้าโลมในบ้านเต๋ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าตัวละครนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้มันจริงมันสะท้อนชีวิตของการเป็นวัยรุ่น
หลายฉากที่ซีรีย์นี้ใส่เข้าไปคือ สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น การจูบใต้บันได้ หรือการจูบกันใต้น้ำ เป็นต้น มันมีสัญลักษณ์ที่ซ่อนเอาไว้ เพื่อที่จะสื่อถึงบทบาทและสถานภาพทางเพศวิถีที่หลากหลายแต่จริงๆ อาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม
จุดที่ยากที่สุดของคนเมื่อค้นหาอัตลักษณ์และเพศวิถีของตนเจอแล้ว คือ การอธิบายสิ่งนี้กับคนรอบตัว ในตอนท้ายของซีรีย์มันจึงเป็นช่วงที่เต๋ต้องเริ่มอธิบายความเป็นตัวเองให้กับคนในครอบครัวฟัง ความเข้าใจและได้รับการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนในวัยเต๋ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าในจุดนี้เรื่องเล่าออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ความประทับใจที่สุดของซีรีย์นี้จึงเป็นเรื่องของการให้พื้นที่นำเสนอเรื่องการค้นหาเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศของตัวละคร ซึ่งในปัจจุบันสังคมไทยนี้อาจจะไม่ได้ให้พื้นที่เหล่านี้เพียงพอรึเปล่า
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
แปลรักฉันด้วยใจเธอกับความเป็นชายที่พร้อมจะกดทับทุกคน
แปลรักฉันด้วยใจเธอเป็นซีรีย์ขนาดสั้นของค่ายนาดาว ซึ่งมักจะทำซีรีย์ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ผิดไปจากละครหรือซีรีย์ที่มีอยู่ตามท้องตลาดเสมอ ในส่วนตัวแล้วนอกจากเนื้อเรื่องแล้วชอบมุมกล้องกับสีภาพที่ช่วยให้โลเคชั่นและบรรยากาศของเรื่องดีขึ้นไปอีก และที่สำคัญที่สุดคือ การพยายามเล่าเรื่องชีวิตของคนที่พ้นไปจากกรุงเทพฯ อันเป็นเมืองหลวงที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกรวมมาไว้ที่นี่พื้นหลังของเรื่องที่เป็นจังหวัดภูเก็ต เลยยิ่งทำให้เรื่องนี้น่าสนใจขึ้นไปอีก
ส่วนที่อยากจะเน้นในบล็อกนี้ไม่ใช่เรื่องของงานภาพ แสง และสี แต่เป็นเรื่องของความเป็นชายที่กดทับคนทุกคนซึ่งส่วนตัวคิดว่าสิ่งนี้คือซีรีย์กำลังเน้น
เต๋เป็นตัวละครที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของเด็กมัธยมไทยทั่วๆ ไป คนหนึ่งเลยซึ่งยังไม่เข้าใจความต้องการของตัวเอง ในการทำความเข้าใจเพศวิถีของตนเอง ฉะนั้น จะเห็นได้เลยว่าตลอดซีรีย์มันคือการค้นหาตัวตนของเต๋ โดยมีตัวละครบางตัวช่วยให้เต๋โตขึ้น
สิ่งที่ทำให้เต๋ค้นพบอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองได้ยากนั้นมันเกิดจากความเป็นชายที่กดทับคนทุกคนในสังคมนี้ จะเห็นได้ในหลายๆ ฉากที่ตัวละครอีกตัวคือ โอ้เอ้ว พยายามช่วยเต๋ในการค้นหาตัวตนของตัวเอง แต่มันจะกลับมาสู่การที่เต๋ก็เลือกที่จะปฏิบัติตามกระแสของสังคม
ความเป็นชายที่กดทับตัวละครเต๋นี้มันสร้างลักษณะหลายๆ อย่างขึ้นมา ทั้งความพยายามเป็นฮีโร่ เราจะเห็นได้ว่าเต๋เป็นสิ่งนั้นเยอะมาก พยายามทำให้ทุกคนมีความสุขและพยายามแข็งแกร่งตลอดเวลาแต่มันไม่ใช่ ฉากส่วนใหญ่ที่เราจะเห็นเต๋ค่ำครวญมันมักจะเป็นการทำอยู่คนเดียวในที่ปิด เพราะความเป็นชายไม่ยอมรับให้ผู้ชายอ่อนแอ
เราคิดว่าซีรีย์นี้แตกต่างจากนิยายบอยเลิฟหรือวายทั่วไปที่เคยอ่านหรือเคยดูนะ เราคิดว่าเรื่องนี้มันแฟนตาซีน้อยกว่า บ่อยครั้งที่นิยายบอยเลิฟหรือวายมันจะทำไปแฟนตาซีไปเลย กล่าวคือ ตัวละครในนิยายบอยเลิฟหรือวายส่วนใหญ่จะค้นพบอัตลักษณ์และเพศวิถีผ่านของตนเองผ่านการตกหลุมรักและผิดหวัง แล้วก็ข้ามไปสู่การร่วมรักทางกายภาพแบบหนักๆ (ฉากเซอร์วิส) แต่เรื่องนี้มันมีฉากร่วมรักหลายฉากที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศ และมันทำให้ตัวละครได้เรียนรู้อัตลักษณ์และเพศวิถีของตนเอง เช่น ฉากเล้าโลมในบ้านเต๋ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าตัวละครนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้มันจริงมันสะท้อนชีวิตของการเป็นวัยรุ่น
หลายฉากที่ซีรีย์นี้ใส่เข้าไปคือ สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น การจูบใต้บันได้ หรือการจูบกันใต้น้ำ เป็นต้น มันมีสัญลักษณ์ที่ซ่อนเอาไว้ เพื่อที่จะสื่อถึงบทบาทและสถานภาพทางเพศวิถีที่หลากหลายแต่จริงๆ อาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม
จุดที่ยากที่สุดของคนเมื่อค้นหาอัตลักษณ์และเพศวิถีของตนเจอแล้ว คือ การอธิบายสิ่งนี้กับคนรอบตัว ในตอนท้ายของซีรีย์มันจึงเป็นช่วงที่เต๋ต้องเริ่มอธิบายความเป็นตัวเองให้กับคนในครอบครัวฟัง ความเข้าใจและได้รับการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนในวัยเต๋ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าในจุดนี้เรื่องเล่าออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ความประทับใจที่สุดของซีรีย์นี้จึงเป็นเรื่องของการให้พื้นที่นำเสนอเรื่องการค้นหาเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศของตัวละคร ซึ่งในปัจจุบันสังคมไทยนี้อาจจะไม่ได้ให้พื้นที่เหล่านี้เพียงพอรึเปล่า
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง