คลายปมใบอนุญาต ปั๊มหัวใจโรงแรมเล็ก ดึงรายได้เข้าประเทศ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 บนหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ ในคอลัมน์วาระทีดีอาร์ไอ

ธุรกิจโรงแรมและที่พักค้างคืนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยก่อนวิกฤติโควิด-19 สร้างรายได้ให้ธุรกิจท่องเที่ยวถึง 2.5 เปอร์เซ็นต์ของ GDP รายได้เหล่านี้ไม่ได้มาจากโรงแรมขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงที่พักประเภทเกสต์เฮาส์ โฮสเทล และโฮมสเตย์ด้วย

แต่ปรากฏว่าหลังวิกฤติดังกล่าว ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านท่องเที่ยวของไทยกลับตกจากอันดับที่ 41 ในปี 2562 มาอยู่ที่อันดับ 47 ในปี 2567 จากการประเมินตามดัชนี TTDI โดย World Economic Forum ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการขาดพื้นฐานด้านบริการและโครงสร้างพื้นฐานด้านท่องเที่ยวที่ดีพอ ทำให้ไทยได้คะแนนเพียง 2.18 จาก 7 คะแนน

เงื่อนไขสำคัญที่เป็นปัญหา คือ ที่พักไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว เนื่องจากโรงแรมขนาดเล็กและที่พักค้างคืนต่างทยอยปิดกิจการไป หลังจากที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุนเพื่อการปรับตัวให้เป็นไปตามมาตรการ SHA ในช่วงโควิด-19ได้ เพราะไม่ใช่ที่พักที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมาย

ซ้ำร้ายเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ที่พักขนาดเล็กยังเผชิญกับปัญหาการไม่มีใบอนุญาต ที่เป็นปัญหาซึ่งค้างคามานานอีกระลอกหนึ่ง แล้วอะไรคือเงื่อนไขที่ทำให้ที่พักขนาดเล็กไม่สามารถขอใบอนุญาต?

คำตอบคือ ความรุงรังของกฎระเบียบทั้ง กฎหมายธุรกิจโรงแรม อาคาร และเขตพื้นที่ ที่ผูกรัดกันเป็นเงื่อนตายจนบีบที่พักขนาดเล็กเจอกับความเสี่ยงที่จะล้มหายตายจากเพิ่มเติม

เงื่อนปมแรก กฎหมายธุรกิจโรงแรมมีความล้าสมัย และยังติดภาพกับโรงแรมขนาดใหญ่ที่กำหนดให้ที่พักค้างคืนอื่นๆ ต้องมีลักษณะเดียวกับโรงแรม เช่น ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีผู้จัดการโรงแรม โทรศัพท์ภายในห้องพัก หรือต้องติดเลขห้อง ทั้งที่ลักษณะทางธุรกิจแตกต่างกัน เช่น ผู้พักโฮสเทลไม่ได้คาดหวังบริการแบบโรงแรม

ในขณะที่หลายประเทศต่างปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น เพื่อเปิดทางให้เกิดธุรกิจที่พักขนาดเล็ก อาทิ เกสต์เฮาส์ โฮสเทล หรือแคปซูลโฮเทล รวมไปถึงการรองรับเอกชนที่นำบ้านหรือคอนโดมาให้บริการเช่าระยะสั้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ปัจจุบันกฎหมายของไทยไม่ได้เปิดช่องเท่าที่ควร

เงื่อนปมที่สอง กฎระเบียบด้านอาคาร แม้ว่าที่ผ่านมากรมโยธาฯ ได้พยายามเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยออกกฎกระทรวงให้นำอาคารอื่น อาทิ บ้าน หรือตึกแถว มาทำโรงแรมได้ ซึ่งช่วยที่พักขนาดเล็กได้ในระดับหนึ่ง แต่กฎกระทรวงนี้มีสถานะชั่วคราว และได้สิ้นอายุลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ปัญหาของที่พักยังแก้ไขไม่เรียบร้อย เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องเขตพื้นที่

และเงื่อนปมสุดท้าย เขตพื้นที่ เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดประเภทที่พักให้หลากหลาย แม้ว่าจะมีการปรับปรุงอาคารให้สอดคล้องกับกฎหมายอาคารแล้ว แต่ยังมีเขตผังเมืองกำหนดเอาไว้ ซึ่งหากเป็นเขตห้ามสร้างโรงแรม ก็จะไม่สามารถทำที่พักอื่นได้ ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น คูเมืองเชียงใหม่ หรือถนนข้าวสาร ในทางกลับกันหากมีที่พักขนาดเล็กก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวมากขึ้น

ปัญหาเหล่านี้แม้ภาครัฐตื่นตัวในการแก้ไข แต่อาจจะยังไม่ตรงจุดและไม่ครอบคลุม ทำให้เมื่อมีการแก้ไขปัญหาเรื่องอาคารแล้ว ก็ยังติดกับเงื่อนไขเขตพื้นที่ สุดท้ายก็ไม่สามารถออกใบอนุญาตได้อยู่ดี

จากการศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาในประเทศอื่นที่มีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยวนั้น วิธีการหนึ่งคือ การแบ่งประเภทที่พักอย่างชัดเจน เช่น ในฝรั่งเศสกฎหมายแยกโรงแรม ที่พักกลางแจ้ง และโฮสเทลออกจากกัน แม้จะอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน

หรือในประเทศญี่ปุ่น แยกการขอใบรับรองที่พักหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม เรียวกัง หรือที่พักในลักษณะโฮสเทลที่มีการแชร์ห้องพักหรือที่พักอาศัยส่วนบุคคลที่เรียกว่า Minpaku

เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ ที่รับรองให้มีที่พักหลายประเภท รวมถึงที่พักรูปแบบใหม่ๆ เช่น อพาร์เทล (ห้องพักที่รวมอพาร์ตเมนต์และโรงแรม) และ Mabuhay (คล้ายโฮมสเตย์ของไทย) ซึ่งรวมคอนโดมิเนียมด้วย

หัวใจของนโยบายแยกประเภทที่พักอยู่ที่ การกำกับดูแลที่จะต้องเป็นไปตามรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกัน แม้จะให้บริการที่พักคล้ายกันก็ตาม ซึ่งหลักการในลักษณะนี้ยังไม่ปรากฏในกฎหมายไทย

ดังนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ จึงเสนอให้ออกกฎหมายฉบับใหม่ โดยกำหนดประเภทที่พัก 3 ระดับคือ โรงแรม, ที่พักค้างคืนอื่นๆ อาทิ โฮสเทล เกสต์เฮาส์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่พักกลางแจ้ง และโฮมสเตย์ โดยที่พักทั้ง 3 ประเภทนี้ มีหน้าที่และวิธีการกำกับที่แตกต่างกัน 

เช่น โรงแรมอาจจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบมากกว่าที่พักรูปแบบอื่น มีการกำหนดมาตรฐานบริการขั้นต่ำ สิ่งอำนวยความสะดวก การมีผู้จัดการโรงแรม และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของอาคารสาธารณะ 

ส่วนที่พักค้างคืนลักษณะอื่นๆ ให้มีเงื่อนไขลดหลั่นกันลงมา อาจกำหนดด้านความสะอาด ความปลอดภัยและอัคคีภัย มีสิ่งอำนวยความเท่าที่จำเป็น รวมถึงต้องมีการรับรองความปลอดภัยของอาคารที่จะนำมาใช้รองรับผู้เข้าพัก ส่วนโฮมสเตย์ เน้นที่ความสะอาดถูกสุขลักษณะและปลอดภัย เนื่องจากเป็นการหารายได้เสริมและการส่งเสริมวัฒนธรรม

นอกจากนี้ ท้องถิ่นควรทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนโรงแรมและที่พักค้างคืน โดยมีบทบาทบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และสามารถออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาคารและประเภทที่พักได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดและเข้าใจพื้นที่ดี แต่รัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีระบบลงทะเบียนกลางออนไลน์ที่อัปเดตแบบเรียลไทม์ที่ท้องถิ่นและส่วนกลางใช้ทำงานร่วมกันได้

การแก้ไขกฎระเบียบตามแนวทางข้างต้นนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านท่องเที่ยว รวมถึงแก้ไขปัญหาของไทยที่ยังการขาดข้อมูลจำนวนที่พักที่แท้จริงในประเทศ

โดยมีข้อมูลจากสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) ระบุว่า ข้อมูลที่เก็บจากกรมการปกครองและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง คลาดเคลื่อนกันถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการขาดข้อมูลที่สมบูรณ์ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี และการวางนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ครอบคลุม

นอกจากข้อดีที่เกิดขึ้นกับภาครัฐแล้ว ขณะเดียวกันการปรับกฎหมายตามข้อเสนอดังกล่าวช่วยให้เอกชนทำธุรกิจได้ถูกกฎหมาย และอุดช่องการเรียกรับสินบนแล้ว ยังช่วยให้สามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ในระดับครัวเรือนด้วย

ที่สำคัญยังส่งผลต่อเส้นทางไปสู่เป้าหมายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่คาดหวังรายได้จากการท่องเที่ยว 3.4 ล้านล้านบาทในปีหน้า ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ยากหากไม่มีการทบทวนปัญหานี้ เพราะตราบใดที่โครงสร้างพื้นฐานยังมีปัญหา การดึงดูดนักท่องเที่ยวก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

ยกเครื่องกฎหมาย ต่อลมหายใจโรงแรมเล็ก

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 บนหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ ในคอลัมน์วาระทีดีอาร์ไอ

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่การระบาดของโควิด-19 ส่งกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยตรงทำให้ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งต้องปิดกิจการชั่วคราว แต่สำหรับบางโรงแรมที่ส่วนใหญ่คือโรงแรมขนาดเล็กขาดสภาพคล่องไปต่อไม่ไหว รวมทั้งเข้าไม่ถึง โครงการช่วยเหลือของรัฐ ต้องยุติกิจการและเลิกจ้างพนักงานในที่สุด

ดังที่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการ โรงแรมขนาดเล็กทั่วประเทศเข้ายื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยบรรเทาความ เดือดร้อน จากการที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ Sandbox เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ แม้จะพยายามยื่นขออนุญาตแต่ติดกฎหมายหลายฉบับ ที่ไม่สามารถปรับปรุงอาคารได้

โควิด-19 จึงไม่ใช่สาเหตุหลักสาเหตุเดียวที่ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กเผชิญความลำบากในการประกอบกิจการ ในแวดวงผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมทราบกันดีว่า การบังคับใช้กฎหมายและใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมภายใต้กฎหมาย คือ กฎหมายผังเมือง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ และ พ.ร.บ.โรงแรมฯ ไม่สอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน และการบังคับใช้อยู่ตั้งอยู่บนมาตรฐานของโรงแรมขนาดใหญ่ ไม่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของ โรงแรมขนาดเล็ก สร้างภาระปัญหาให้กับทั้งผู้ประกอบการเดิมและรายใหม่ในอนาคต

กฎหมายกดทับโรงแรมเล็ก

ประเทศไทยมีโรงแรมขนาดเล็กจำนวนมากที่มีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ได้แก่ กฎเกณฑ์ภายใต้กฎหมายผังเมืองที่ได้จำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เช่น การบำบัดน้ำเสีย การมีที่จอดรถ หรือการสร้างมลภาวะทางเสียง เป็นต้น

พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ได้กำหนดลักษณะ ขนาดพื้นที่และที่ตั้งของอาคาร รวมถึงความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร โดยยึดโยงอยู่กับมาตรฐานอาคารขนาดใหญ่เช่นกัน ซึ่งไม่ครอบคลุมโรงแรมขนาดเล็กที่มีการนำบ้านเก่า อาคารพาณิชย์เก่า หรือหอพักมาดัดแปลง แม้กรมโยธาธิการและผังเมืองมีความพยายามผ่อนคลายกฎเกณฑ์ ในเรื่องมาตรฐานอาคารโดยปรับให้สอดคล้องกับอาคารขนาดเล็กมากขึ้น แต่ยังไม่ครอบคลุมลักษณะที่พักอีกหลายประเภท เช่น เรือนแพ บ้านต้นไม้ เป็นต้น

เมื่อไม่ผ่านเงื่อนไขนี้ ทำให้การขอใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงแรมฯ ของโรงแรม ขนาดเล็กจึงเป็นไปได้ยาก ทั้งที่ในความเป็นจริง มีแนวโน้มความนิยมการเข้าพักโรงแรมขนาดเล็กมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองและใกล้แหล่งท่องเที่ยว ทั้งบ้านเก่า อาคารพาณิชย์เก่า หรือหอพักดัดแปลง และทำให้เกิดช่องโหว่ของภาครัฐในการกำกับดูแลธุรกิจโรงแรม

หากพิจารณาจากจำนวนโรงแรมที่ได้รับอนุญาตจากกรมการปกครอง มีประมาณ 30,000 กว่าแห่ง ในขณะที่โรงแรมที่ลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์ OTA สำหรับจัดการการจองที่พัก มีโรงแรมมากกว่า 60,000 แห่ง

นอกจากการกำหนดเรื่องขนาดพื้นที่ ลักษณะอาคารแล้ว พ.ร.บ.โรงแรมฯ ยังกำหนดเงื่อนไขการต้องแยกสัดส่วนระหว่างที่พักอาศัยกับส่วนที่เป็นโรงแรม และจำกัดจำนวนห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง จำนวนคนพักไม่เกิน 20 คนสำหรับโฮมสเตย์ เงื่อนไขนี้กระทบต่อธุรกิจที่มีบ้านพักอาศัยกับโรงแรมตั้งอยู่ในที่เดียวกัน จึงทำให้การประกอบธุรกิจแบบโฮมสเตย์ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยผลของกฎหมายเช่นกัน ไม่เอื้อให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงสถานที่เพื่อให้บริการลูกค้า

อีกทั้งยังมีการกำหนดว่าโรงแรมต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักโรงแรมขนาดเล็ก อาจไม่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพียงแต่ต้องการห้องพักที่สะอาดเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมตามกฎหมายกำหนดบางอย่างเป็นต้นทุนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กทั้งสิ้น

ปัญหาโรงแรมขนาดเล็กไม่สามารถดำเนินกิจการและขอใบอนุญาตโรงแรมได้เพราะติดข้อกฎหมายนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน หน่วยงานของรัฐได้มีความพยายามผ่อนผันโดยใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6/2562 เรื่อง มาตรการส่งเสริมและ พัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถปรับปรุงอาคารและดำเนินการขอใบอนุญาตโรงแรมได้โดยกฎหมายได้มีการยกเว้น ความผิดและยกเว้นโทษให้ผู้ประกอบการจนถึงวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุนจากการไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ และต้องหยุดกิจการตามมาตรการของรัฐบาลจากการระบาดของ โควิด-19 แม้จะมีการกำหนดมาตรการผ่อนผันเพียงชั่วคราว โรงแรมขนาดเล็กก็ยังไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงอาคารและขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้สอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนดได้ตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เพราะโรงแรมขนาดเล็กไม่มีเงินทุนมากพอที่จะดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงอาคาร

รื้อกฎหมายเอื้อรายเล็กเริ่มต้นใหม่และไปต่อได้

แม้กฎหมายที่กำหนดเงื่อนไขของอาคารและการให้บริการโรงแรม จะทำขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ดีเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการได้รับผลกระทบของการประกอบกิจการ และเพื่อยกมาตรฐานดูแลผู้เข้าพักในโรงแรม แต่เงื่อนไขของกฎหมาย ดังกล่าวนั้นอาจจะล้าสมัยและไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน

ทางแก้ไขปัญหานี้จะต้องปรับรื้อกฎหมายเอื้อให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งมีส่วนช่วยฟื้นคืนภาคการท่องเที่ยวบริการของประเทศไทย โดยจำเป็นต้องทำอย่างเป็นระบบเสมือนการยกเครื่องรถยนต์ใหม่ทั้งคัน

ในระยะแรกจะต้องมีการคุ้มครอง ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการที่คำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 หมดอายุลง การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ในช่วงโควิด-19 ระบาดนั้น รัฐบาลอาจ จะต้องออก พ.ร.ก.งดเว้นการบังคับใช้กฎหมายโรงแรมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก ที่ดำเนินการมาก่อนหน้าปีการระบาดของ โควิด-19 เพื่อไม่ให้มีการเอาผิดกับ ผู้ประกอบที่ดำเนินการในช่วงเวลานี้

พร้อมทั้งให้เวลากับผู้ประกอบปรับปรุงสภาพอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎหมาย และให้เวลาหน่วยงานของรัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป

การแก้ไขปัญหาในระยะยาวเพื่อรองรับการประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก รัฐบาลควรดำเนินการแก้ไขกฎหมายและ ใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมใหม่ โดยการปรับกฎเกณฑ์ของมาตรฐานอาคารที่ใช้ในการประธุรกิจโรงแรมให้รองรับลักษณะของการประกอบธุรกิจโรงแรมที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมขนาดเล็ก และโรงแรมที่มีรูปแบบ เฉพาะตัว เช่น เรือนแพและ บ้านต้นไม้ เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน นโยบายเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงแรม ควรสนับสนุนการประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก โดยการยกเลิกการผูกโยงเงื่อนไขการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ไม่จำเป็นต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคกับโรงแรมขนาดเล็ก รวมถึงการยกเลิกการนำกฎหมายโรงแรมกับกฎหมายควบคุมอาคารมาผูกไว้ด้วยกัน เพื่อให้การประกอบธุรกิจกับการควบคุมอาคารแยก ออกจากกันตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย

ท้ายที่สุด การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจโรงแรม ควรจะเปลี่ยนมือจากหน่วยงานของรัฐส่วนกลางแบบกรมการปกครองมาสู่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งใกล้ชิดกับพื้นที่ทำให้สามารถเข้าถึงปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแรงจูงใจที่สนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ มากกว่าหน่วยงานของรัฐที่ส่วนกลาง

การปรับแก้กฎหมายในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช่วยผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กไปต่อได้แล้ว การประหยัดต้นทุนใน การปฏิบัติตามกฎหมายยังช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำเงินไปใช้กับการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น ด้านนักท่องเที่ยวก็มีทางเลือกรูปแบบ โรงแรมที่เข้าพักหลากหลาย สอดรับกับการที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก