หมวดหมู่: Publication

สไลด์นำเสนอแนวทางการปรับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับกิจกรรมของรัฐที่ได้รับการยกเว้น

สไลด์นำเสนอนี้เป็นเอกสารประกอบการนำเสนอบทความวิชาการเรื่อง “แนวทางการปรับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับกิจกรรมของรัฐที่ได้รับการยกเว้น” ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 4 เรื่อง “Legal Tech and Sustainable Development” ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ณ คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปีการศึกษา 2565

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในธุรกิจแพลตฟอร์ม

บทความนี้สรุปและเพิ่มเติมข้อมูลจาก สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ และคณะ, “รายงานฉบับสมบูรณ์ (ฉบับปรับปรุง) การศึกษาผลกระทบและการนำเสนอมาตรการในการกำกับดูแล Digital Platform,” รายงานวิจัยเสนอต่อสำนักงานสภานโยบายอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), 2566.

วิทยานิพนธ์ เรื่อง สภาพบังคับของกฎหมายวินัยทางการคลังของไทย

ในทางเศรษฐศาสตร์และทางการเมืองจะอธิบายว่า “วินัยทางการคลัง” (fiscal discipline) คือ พฤติกรรมของรัฐบาลที่มีการดำเนินนโยบายทางการคลังโดยรักษาดุลยภาพระหว่างรายได้และรายจ่าย และไม่ก่อหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็นเกินความสามารถ นัยดังกล่าวสะท้อนภาพของวินัยทางการคลังในอดีต  อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันขอบเขตของวินัยทางการคลังได้ขยายออกไปสู่การพิจารณาภาพของการใช้จ่ายงบประมาณระยะยาว และการใช้กลไกต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพและความยั่งยืนทางการคลังตามวัฏจักรเศรษฐกิจ  ดังนั้น “วินัยทางการคลัง” ในปัจจุบันเป็นหลักการกำหนดแนวทางการบริหารการคลัง เพื่อรักษาดุลยภาพระหว่างรายได้และรายจ่ายของรัฐบาล และควบคุมการก่อหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับขีดความสามารถของรัฐบาล โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในอนาคต รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายการคลังต่าง ๆ โดยการกำหนดกรอบวินัยทางการคลังสามารถทำได้ในหลายลักษณะ ซึ่งวิธีการหนึ่งก็คือ การใช้กฎหมายวินัยทางการคลัง (fiscal discipline law) หรือกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางการคลัง (fiscal responsibility law) ซึ่งเป็นกลไกในเชิงสถาบันที่กำหนดกรอบกฎหมายเกี่ยวกับข้อบังคับ กระบวนการ หรือข้อตกลงระหว่างสถาบันที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางการคลังและงบประมาณ เพื่อยกระดับผลการดำเนินนโยบายทางการคลัง ความโปร่งใสทางการคลัง และความรับผิดชอบทางการคลังตามกลไกที่กฎหมายกำหนดไว้

แม่คือใครในชุดความรู้ของนักนิติศาสตร์ไทย: ศึกษากรณีกฎหมายอาญาว่าด้วยการทำแท้ง

สถานะของการเป็นแม่ไม่เพียงแต่เกิดจากการประกอบสร้างทางวัฒนธรรมของสังคมเท่านนั้น แต่มีการรับรองสถานะดังกล่าวไว้ในกฎหมายให้ผู้หญิงที่ให้กําเนิดเด็กต้องรับบทบาทของการเป็นแม่ ผลของการที่กฎหมายกําหนดสถานะความเป็นแม่ให้กับผู้หญิงทําให้ผู้หญิงกับเด็กมีภาระพิเศษที่เกิดจากความผูกพันของกฎหมาย ซึ่งอาจจะนํามาสู่ความไม่เสมอภาคในบทบาทหญิงชายภายใต้กฎหมายอาญาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างภาพแทนของผ้หูญิงในมมุมองของศาลในระบบกฎหมายไทย โดยบทความนี้ตั้งสมมติฐานว่า ในมุมมองของกฎหมายและนักกฎหมายมีภาพแสดงของแม่อย่างไร งานศึกษานี้จะใช้วิธีการศึกษาแบบวงศาวิทยา (genealogy) สืบสาวลักษณะคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดของแม่เกี่ยวกับการทําแท้งและการฆ่าทารกตามกฎหมายลักษณะอาญาและประมวลกฎหมายอาญาโดยนําเสนอข้อสรุปเกี่ยวกับแนวคิดของศาลต่อสถานะของความเป็นแม่ในระบบกฎหมายไทย

การศึกษาความแตกต่างด้านสภาพบังคับของวินัยทางการคลังและวินัยทางงบประมาณและการคลัง

วินัยทางการคลังและวินัยทางงบประมาณและการคลังเป็นมโนทัศน์ในทางการคลังว่าด้วยการควบคุมการดำเนินการทางการคลังของรัฐ แม้โดยถ้อยคำแล้วมโนทัศน์ทั้งสองเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน  ทว่า เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดจะพบว่า มโนทัศน์ทั้งสองมีความแตกต่างกันในเชิงความหมาย วัตถุประสงค์ ขอบเขตการบังคับใช้ และสภาพบังคับทางกฎหมาย ซึ่งทำให้เป้าหมายในการนำมโนทัศน์ทั้งมาใช้แตกต่างกันโดยประเทศไทยได้รับเอามโนทัศน์ทั้งสองเรื่องมาบัญญัติไว้เป็นกฎเกณฑ์ของกฎหมายการคลัง  ทว่า ภายใต้มาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดให้รัฐต้องรักษาวินัยทางการคลังตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐคือ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561  นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจสั่งลงโทษทางปกครองเมื่อมีการฝ่าฝืนวินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยสภาพบังคับดังกล่าวนั้นปรากฏในบทบัญญัติมาตรา 240 วรรคหนึ่ง (5) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และมาตรา 80 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ผลของการบัญญัติหลักการดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เป็นการนำมโนทัศน์ทั้งสองเรื่องที่แตกต่างกันมากำหนดไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาว่า การกำหนดสภาพบังคับในลักษณะดังกล่าวนั้นอาจจะไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับมโนทัศน์ทั้งสองเรื่อง และนำมาซึ่งปัญหาในการบังคับใช้มโนทัศน์ทั้งสองเรื่อง